ดิ อะเมซิ่ง เรซ เอเชีย 3 เป็นปีที่สามของรายการดิ อะเมซิ่ง เรซ เอเชีย ซึ่งเป็นเกมโชว์ประเภทเรียลลิตี้ทางโทรทัศน์ รายการนี้จะมีผู้เข้าแข่งขัน 10 ทีม ทีมละ 2 คนซึ่งรู้จักกันมาก่อนแล้ว ทำการแข่งขันโดยเดินทางรอบโลก ทีมที่ชนะจะได้รับเงินรางวัล 100,000 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา สำหรับความนิยมของรายการนี้ เนื่องจากฉายไปทั่วเอเชียจึงทำให้มีการประมาณกันว่ามีผู้ชมมากถึง 83 ล้านคนทั่วเอเชีย (มาจากจีน 40 ล้านคน) ทำให้มีแผนการที่จะผลิตออกมาเรื่อยๆ เช่นเดียวกับฉบับอเมริกา
สำหรับในฤดูกาลนี้ออกอากาศในวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2551 มีทั้งหมด 11 ตอน (น้อยกว่า ฤดูกาลที่ 1 และ ฤดูกาลที่ 2 อยู่ 2 ตอน) ตอนสุดท้ายออกอากาศในวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 และสำหรับตอนพิเศษ Memories ออกอากาศในวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
ฤดูกาลนี้ได้ตัด ซุปเปอร์เลก ออกไปทำให้เท่ากับว่าเหลือ 11 เลกและจำนวนตอนน้อยกว่าปกติ 2 ตอน รวมถึงไม่ได้มีการตั้งชื่อตอนแต่ละตอนที่ออกอากาศด้วย ตามที่เอเอ็กซ์เอ็นได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ ฤดูกาลนี้ถูกขนานนามว่า "การแข่งขันที่โหดที่สุดเท่าที่เคยมีมา" (The Toughest Race Ever) เนื่องจากฤดูกาลนี้ทั้งผู้เข้าแข่งขันและทีมงานประสบกับความเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก เนื่องจากทั้งผู้เข้าแข่งขันและทีมงานต้องเดินเร็วขึ้นมาก แต่มีเวลาพักน้อยลง แม้ในระหว่างการถ่ายทำรายการ ก็ยังมีทีมงานหนึ่งคนถูกส่งตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาล
ในการแข่งขันที่มีการไปเยือนประเทศเวียดนาม Route Marker ของการแข่งขันถูกเปลี่ยนเป็นสีเหลือง-ขาว เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนกับธงของประเทศเวียดนามใต้ที่เป็นสีเหลือง-แดง
ฤดูกาลนี้เป็นครั้งแรกที่มีการใช้คำสั่งย้อนกลับ (U-Turn) เป็นครั้งแรก (ในเลก 9) อย่างไรก็ดี คำสั่งร่วมมือ (Intersection) ไม่ได้ถูกนำมาใช้เหมือนกับซีซั่นที่ 2 ฤดูกาลนี้ยังเป็นครั้งแรกของ ดิ อะเมซิ่ง เรซ เอเชีย ที่มีการแข่งขันทั้งหมดอยู่ในทวีปเอเชียเพียงทวีปเดียว และเป็นฤดูกาลที่ 3 ตั้งแต่ ซีซั่นที่ 8 ของเวอร์ชันสหรัฐอเมริกา และ ดิ อะเมซิ่ง เรซ บราซิล เป็นต้นมา ซึ่งโดยปกติแล้วการแข่งขันในฤดูกาลก่อน ๆ ของ ดิ อะเมซิ่ง เรซ เอเชีย จะเดินทางไปอย่างน้อย 2 ทวีป
ดิ อะเมซิ่ง เรซ เอเชีย 3 ปิดรับใบสมัครเมื่อวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2551 (ขยายเวลาจากกำหนดเดิม 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551) การสัมภาษณ์เพื่อคัดตัวผู้เข้าแข่งขันในรอบรองสุดท้ายและรอบสุดท้ายมีขึ้นในช่วงเดือน มีนาคม ถึงเดือน เมษายน 2551 การถ่ายทำคาดว่ามีขึ้นในช่วงกลางปี พ.ศ. 2551
สำหรับในฤดูกาลนี้มีผู้เข้าแข่งขันที่เป็นญาติ และพ่อลูกกัน อย่างไรก็ดี การคัดเลือกผู้เข้าแข่งขันของรายการในครั้งนี้ก็ยังเหมือนกันครั้งก่อนๆ คือมีการคัดเลือกบุคคลที่มีชื่อเสียงของแต่ละประเทศเข้ามาจำนวนหนึ่ง ได้แก่ ไพลิน ซึ่งได้รับตำแหน่งรองอันดับ 1 มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สประจำปีพ.ศ. 2549 และเป็นตัวแทนประเทศไทยไปประกวด Miss Earth ในปีเดียวกัน วินซ์ ซึ่งเป็น stand-up comedian ของฮ่องกง นิรู ไอด้า และไหม ซึ่งต่างก็เป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงในประเทศของตัวเอง วิลเลียมและไอแซค ซึ่งต่างก็เป็นนักพากย์ฟุตบอลของเกาหลีใต้ ทิช่า ซึ่งเคยได้รับตำแหน่ง Miss Philippines Universe ในปีพ.ศ. 2541แต่เนื่องจากเธอเป็นชาวแคนาดา จึงต้องสละตำแหน่งนี้ไป และยังมีนาตาลี ซึ่งเป็นที่รู้จักทั่วโลกเพราะได้รับตำแหน่งนางงามจักรวาลในปีพ.ศ. 2549
ฤดูกาลนี้มีผู้เข้าแข่งขัน 3 คนที่ไม่ใช่คนเอเชียแท้ ๆ นาตาลีกับวินซ์เป็นชาวแคนาดา (นาตาลีเกิดในประเทศรัสเซีย) และเจฟมาจาก นิวซีแลนด์ สำหรับผู้เข้าแข่งขันที่แข่งในนามของประเทศอื่นเช่น แซม มาจาก สิงคโปร์ แต่แข่งในนามของ ฮ่องกง และทิช่าที่ถือสัญชาติแคนาดา แต่แข่งในนามของฟิลิปปินส์
พอลล่า เทเลอร์ หนึ่งในผู้แข่งขันใน ฤดูกาลที่ 2 เป็นผู้ต้อนรับประจำท้องถิ่นในเลกแรกของการแข่งขัน
ดิ อะเมซิ่ง เรซ เอเชีย 3 มีผู้สนับสนุนหลัก 6 บริษัท (คาลเท็กซ์, โนเกีย, เบียร์สิงห์, MASkargo, โซนี่ และ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด) ก่อนที่การแข่งขันจะเริ่มออกอากาศ มีการออกอากาศตอนพิเศษ (Racers Revealed) 1 อาทิตย์ก่อนออกอากาศการแข่งขัน (ตรงกับวันที่ 4 พฤศจิกายน 2551) ซึ่งคล้ายกับที่เคยทำใน ฤดูกาลที่ 2
ตารางแสดงชื่อ ความสัมพันธ์ของผู้แข่งขันในขณะถ่ายทำของแต่ละทีมพร้อมทั้งแสดงสถานะในการแข่งขัน ดังนี้ (ตารางนี้อาจไม่ได้แสดงข้อมูลที่ตรงกับข้อมูลที่ออกอากาศในโทรทัศน์เนื่องจากข้อมูลที่เพิ่มเข้ามาบางส่วนในภายหลัง หรือข้อมูลที่ถูกนำออกไปบางส่วน)
หมายเหตุ 1: แซมกับวินซ์เดิมเข้าจุดพักมาเป็นลำดับที่ 5 แต่พวกเขาเข้าจุดพักโดยยังไม่ได้จ่ายเงินค่าโดยสารให้กับคนขับรถ จึงต้องกลับไปจ่ายเงินก่อนที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าจุดพักหมายเหตุ 2: ในเลก 3 นาตาลีไม่สามารถแก้อุปสรรคให้สำเร็จได้ จึงจะต้องถูกปรับเวลา 4 ชั่วโมง แต่เนื่องจากนาตาลีและไพลินเข้าจุดพักเป็นทีมสุดท้ายและถูกคัดออก การปรับจึงไม่มีผลแต่อย่างใดหมายเหตุ 3: ในเลก 4 คาพิลไม่สามารถแก้อุปสรรคให้สำเร็จได้ จึงจะต้องถูกปรับเวลา 4 ชั่วโมง แต่เนื่องจากนิรูและคาพิลเข้าจุดพักเป็นทีมสุดท้ายและถูกคัดออก การปรับจึงไม่มีผลแต่อย่างใดหมายเหตุ 4: ในเลก 5 ไหมและโอลิเวอร์ไม่สามารถแก้ภารกิจแรกให้สำเร็จได้ และทิ้งห่างจากทีมอื่นมากเป็นเวลาหลายชั่วโมง ในขณะที่ทีมอื่นเข้าสู่จุดพักหมดแล้ว และพวกเขาก็ยังไม่ได้แก้ทางแยกและอุปสรรคในเลกนั้น พิธีกรจึงมาหา ณ จุดที่พวกเขานอนค้างคืนและแจ้งให้ทราบว่าไหมและโอลิเวอร์ถูกคัดออกจากการแข่งขันหมายเหตุ 5: ไอด้ากับทานญ่าเดิมเข้าจุดพักมาเป็นลำดับที่ 2 แต่ถูกทำโทษเป็นเวลา 30 นาทีเนื่องจากไม่ได้เข้าจุดพักเป็นลำดับที่ 1 ระหว่างนั้น เอ.ดี.กับฟัซซี่ เข้ามาเป็นทีมที่ 2 ทำให้พวกเธอตกลงมาอยู่ลำดับที่ 3หมายเหตุ 6: วินซ์กับแซม และเอ.ดี.กับฟัซซี่ ถูกปรับเวลา 4 ชั่วโมงจากการที่แซมและฟัซซี่ไม่สามารถแก้อุปสรรคให้สำเร็จได้ แม้ว่าลำดับที่ของทั้งสองคนจะไม่เปลี่ยนแปลงเพราะโทษปรับเวลานี้ก็ตาม แต่เอ.ดี.กับฟัซซี่ เข้าเป็นที่สุดท้ายและถูกคัดออกจากการแข่งขัน การปรับจึงไม่มีผลแต่อย่างได สำหรับโทษปรับเวลาของวินซ์กับแซมนั้น โทษปรับเวลาจะไปมีผล ณ ช่วงที่ออกเดินทางจากเลกที่ 10 เพื่อเข้าเส้นชัยในเลกที่ 11 แทน แต่จะไม่ถูกทำโทษเวลาในเลกที่ 10
ทางแยกในเลกนี้ แต่ละทีมจะต้องเลือกระหว่าง ข้าว (Rice) และ แข่ง (Race) โดยทีมที่เลือกข้าวจะต้องช่วยกันตำข้าวเหนียวให้เป็นก้อนแป้ง 2 ก้อน ตามวิธีของคนท้องถิ่น ส่วนทีมที่เลือกแข่งจะต้องขับรถ off-road buggy ในสนามระยะทาง 8 กิโลเมตรตามเส้นทางที่กำหนด
อุปสรรคในเลกนี้ สมาชิกหนึ่งคนของแต่ละทีมจะต้องเดินผ่านดงกล้วยเพื่อไปเอาคำใบ้ถัดไปที่อยู่ในกระเป๋าเป้ที่แขวนอยู่ แต่ระหว่างทางจะต้องคอยระวังไม่ให้ถูกยิงโดยนักเล่นเพ้นท์บอล ส่วนทางแยกในเลกนี้ แต่ละทีมจะต้องเลือกระหว่าง สำปั้น (Sampan) หรือ เดิน (Some Walk) โดยทีมที่เลือกสำปั้นจะต้องพายเรือสำปั้นไปส่งผลไม้ ณ จุดที่กำหนดให้ ส่วนทีมที่เลือกเดินจะต้องจับไก่ 20 ตัวและนำไปส่ง ณ จุดที่กำหนดไว้
อุปสรรคในเลกนี้ สมาชิกหนึ่งคนของแต่ละทีมจะต้องเดินทางไปยังสุสานจักรพรรดิ Minh M?ng โดยรถจี๊ป และต้องไปเก็บเหรียญ 7 เหรียญที่มีสัญลักษณ์ของจักรพรรดิของเวียดนาม เพื่อนำกลับมาเรียงตามลำดับรัชสมัยที่สุสานจักรพรรดิ Kh?i ??nh ส่วนทางแยกในเลกนี้ แต่ละทีมจะต้องเลือกระหว่าง ธูป (Stick) และ ข้าว (Stalk) โดยทีมที่เลือกธูปจะต้องปั้นธูปตามวิธีดั้งเดิมให้ได้ครบ 10 ดอก ส่วนทีมที่เลือกข้าวจะต้องฟาดรวงข้าวให้ได้เมล็ดข้าวจนเต็ม 2 ตะกร้า
ทางแยกในเลกนี้ แต่ละทีมจะต้องเลือกระหว่าง ถ่าย (Shoot It) และ ต่อรูป (Shape It) โดยทีมที่เลือกถ่ายจะต้องขับรถไปพิพิธภัณฑ์ของจิ๋ว และถ่ายรูปวัตถุที่ทางรายการกำหนดให้ (ในที่นี้คือป้าย The Amazing Race Asia ขนาดจิ๋ว) โดยใช้กล้องถ่ายรูป Sony Cybershot เมื่อถ่ายรูปได้และนำไปพิมพ์ คำใบ้จะอยู่ด้านหลังรูปถ่าย ส่วนทีมที่เลือกต่อรูปจะต้องขับรถไปที่ตลาดและเรียงแทนแกรมขนาดใหญ่ให้เป็นรูปตามที่กำหนดไว้ ส่วนอุปสรรคในเลกนี้ สมาชิกหนึ่งคนของแต่ละทีมจะต้องรับประทานเต้าหู้เหม็นหนึ่งชามให้หมด
อุปสรรคในเลกนี้ สมาชิกหนึ่งคนของแต่ละทีมจะต้องทีมขุดถ่านหินในรถถ่านหินเพื่อหาของที่ระลึกรายการ (เหรียญ ดิ อะเมซิ่ง เรซ เอเชีย) ก่อนที่จะได้รับคำใบ้ต่อไป ส่วนทางแยกในเลกนี้ แต่ละทีมจะต้องเลือกระหว่าง หยิบ (Pick) และ ถัง (Pail) โดยทีมที่เลือกหยิบจะต้องไปยังศูนย์การค้าและหยิบตุ๊กตาจากเครื่องวาวาชิให้ได้ 3 ตัว ก่อนที่จะได้รับคำใบ้ต่อไป สำหรับทีมที่เลือกถัง ทีมจะต้องไปยังวัด Grand Tong และขนน้ำจำนวน 1 ถังเต็ม ขึ้นไปให้พระที่อยู่บนเขา เมื่อพระตรวจสอบว่ามีน้ำพอ ทีมจึงจะได้รับคำใบ้ต่อไป สำหรับทางด่วนในเลกนี้ ทีมที่เลือกทำจะต้องรับการสักถาวรบนตัวที่ร้าน Kevin's Tatoo ก่อนที่จะได้รับคำใบ้เพื่อมุ่งสู่จุดหยุดพักต่อไป
ทางแยกในเลกนี้ แต่ละทีมจะต้องเลือกระหว่าง ปลา (Get Fishy) และ เสี่ยงทาย (Get Lucky) โดยทีมที่เลือกปลาจะต้องขอดเกล็ดและคว้านไส้ในปลา 15 ตัว ให้เป็นที่พอใจแก่คนขายปลา ก่อนที่ทีมจะได้รับคำใบ้ต่อไป สำหรับทีมที่เลือกเสี่ยงทาย ทีมจะต้องหาโต๊ะที่กำหนดที่ถนน Mee Lun แล้วกัดคุกกี้เสี่ยงทายในโหลที่กำหนดจำนวน 300 ชิ้น จนกว่าจะเจอคำทำนายที่บอกถึงคำใบ้ต่อไป (คุณกินเก่งมาก รับคำใบ้ต่อไป) ทีมจึงจะไปต่อได้ อุปสรรคในเลกนี้ สมาชิกหนึ่งคนในแต่ละทีมจะต้องเลือกกระเป๋าที่เตรียมไว้ให้ แล้วค้นหาผู้หญิงที่ถือกระเป๋าแบบเดียวกับที่สมาชิกคนนั้นเลือก โดยทีมจะได้รับคำใบ้ต่อไปจากผู้หญิงที่ถือกระเป๋านั้น
อุปสรรคในเลกนี้ สมาชิกคนหนึงของแต่ละทีมจะต้องปืนขึ้นไปบนยอดมาเก๊าทาวเวอร์เพื่อไปเอาคำใบ้ และกลับลงมาหาเพื่อนร่วมทีมก่อนที่จะอ่านคำใบ้ต่อไป ส่วนทางแยกในเลกนี้ แต่ละทีมจะต้องเลือกระหว่าง เต้น (Dance) และ เสี่ยงโชค (Chance) โดยทีมที่เลือกเต้นจะต้องเชิดสิงโตตามท่าที่กำหนดให้กรรมการพอใจ ก่อนที่จะได้รับคำใบ้ต่อไป ส่วนทีมที่เลือกเสี่ยงโชคจะต้องสวมชุดราตรีและเล่นแบล็กแจ็กให้ชนะเป็นจำนวน 9 ครั้ง โดยในแต่ละครั้งที่ชนะทีมจะได้รับตัวอักษร 1 ตัว โดยทีมจะต้องสะสมตัวอักษรเป็นคำว่า COMPLETED ก่อนที่จะได้รับคำใบ้ต่อไป
อุปสรรคในเลกนี้ สมาชิกคนหนึ่งของแต่ละทีมจะต้องกระโดดบันจีจัมพ์ลงมาจากมาเก๊าทาวเวอร์ โดยทีมที่ทำสำเร็จเป็นทีมแรกจะได้เดินทางไปยังเป้าหมายถัดไปด้วยเฮลิคอปเตอร์ ส่วนทางแยกในเลกนี้ แต่ละทีมจะต้องเลือกระหว่าง ปลา (Fish) และ เติม (Fill) โดยทีมที่เลือกปลาจะต้องแบกปลา 6 ตัว แต่ละตัวหนัก 20 กิโลกรัม นำไปส่งที่ภัตตาคารมารีน่าซีฟู้ด ส่วนทีมที่เลือกเติมจะต้องทำลวดลายแบบโกลัมตามแบบที่กำหนดให้โดยใช้ผงข้าวย้อมสี
อุปสรรคในเลกนี้ สมาชิกหนึ่งคนของแต่ละทีมจะต้องค้นหาผ้าโพกหัวจากชาย 50 คนที่เดินอยู่ในปราสาท จนกว่าจะพบคำว่า "Correct" (ถูกต้อง) ทีมจึงจะได้รับคำใบ้ต่อไป ทางแยกในเลกนี้ แต่ละทีมจะต้องเลือกระหว่าง เข็น (Push) และ คั้น (Crush) โดยทีมที่เลือกเข็นจะต้องเข็นรถเข็นที่มีหม้อดินเผา 75 ใบ ไปยังสถานที่ที่กำหนด โดยจะต้องเหลือหม้ออย่างน้อย 70 ใบเมื่อไปถึงจุดหมาย ก่อนที่จะได้รับคำใบ้ต่อไป ส่วนทีมที่เลือกคั้นจะต้องคั้นน้ำอ้อยให้ได้ 40 แก้ว และขายน้ำอ้อยนั้นให้ได้เงินอย่างน้อย 200 รูปี ก่อนที่จะได้รับคำใบ้ต่อไป
ทางแยกในเลกนี้ แต่ละทีมจะต้องเลือกระหว่าง พรม (Carpet) และ นับ (Count It) โดยทีมที่เลือกพรม จะต้องเดินไปที่ร้านพรม แล้วค้นหาพรม 2 ผืนที่มีลายเหมือนกัน โดยใช้ภาพในกล้องโซนี่ ไซเบอร์ช็อต(อังกฤษ) ในการค้นหา ส่วนทีมที่เลือกนับ จะต้องเดินไปที่ร้านขายเครื่องเทศและนับมะนาวแห้งในตะกร้าให้ถูกต้อง ก่อนที่จะได้รับคำใบ้ต่อไป อุปสรรคในเลกนี้ สมาชิกหนึ่งคนในแต่ละทีมจะต้องไต่หน้าผาไปที่ฝั่งตรงข้ามของหน้าผาวาดี ทานุฟเพื่อหยิบคำใบ้และไต่กลับมายังจุดเดิม
อุปสรรคสุดท้ายของการแข่งขันนี้ ทีมจะต้องขับรถไปยังฮูบรา แซนด์ แล้วสมาชิกหนึ่งคนของแต่ละทีมจะต้องใช้เครื่องตรวจจับโลหะค้นหากุญแจ 1 ใน 7 ดอกที่สามารถเปิดกล่องคำใบ้ได้ จากกุญแจกว่า 70 ดอกในพื้นที่ที่กำหนดให้ในทะเลทราย ทางแยกสุดท้ายในการแข่งขันนี้แต่ละทีมจะต้องเลือกระหว่าง ดึง (Pull) และ งม (Plunge) โดยทีมที่เลือกดึง จะต้องพายเรือออกไปที่บ่อเลี้ยงหอยมุกแล้วหาหอยตัวที่มี Race Marker สีเหลือง-แดง ให้พบแล้วนำไปให้คนบนฝั่ง ก่อนที่จะได้รับคำใบ้ต่อไป สำหรับทีมที่เลือกงม ทีมจะต้องงมใต้น้ำเพื่อหาหอยยักษ์ แล้วนำไข่มุกที่อยู่ภายในหอยมาให้คนบนฝั่ง ก่อนที่จะได้รับคำใบ้ต่อไป